ภาษาอังกฤษ กริยา 3 ช่อง

กริยาช่อง 2: หลักการเติม ed (Regular Verbs) และ Irregular Verbs ที่ต้องรู้!

สวัสดีครับนักเรียนทุกคน วันนี้ผมจะมาอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ กริยาช่อง 2 (Verb 2) ที่เราได้คุยกันไปบ้างแล้วนะครับ กริยาช่อง 2 มีความสำคัญมากในการบอกเล่าเหตุการณ์ในอดีต ซึ่งคำกริยาเหล่านี้แบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ Regular Verbs (กริยาปกติ) ที่ส่วนใหญ่ลงท้ายด้วย -ed และ Irregular Verbs (กริยาอปกติ) ที่มีการเปลี่ยนรูปไปเลย หรือคงรูปเดิมครับ

ในบทความนี้ ผมจะเน้นไปที่ หลักการเติม -ed ให้กับ Regular Verbs และรวบรวมคำศัพท์ Irregular Verbs ที่สำคัญ ๆ และนักเรียนมัธยมพบบ่อยมาให้ทบทวนกันครับ การเข้าใจเรื่องนี้จะช่วยให้นักเรียนใช้ภาษาอังกฤษได้ถูกต้องและมั่นใจมากขึ้น โดยเฉพาะในการเขียนและพูดถึงเรื่องราวในอดีตครับ

 

ทบทวน: กริยาช่อง 2 คืออะไร?

กริยาช่อง 2 (Verb 2) หรือ Past Simple Form คือ รูปของคำกริยาที่ใช้เพื่ออธิบายการกระทำหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงไปแล้วในอดีต โดยไม่เกี่ยวข้องกับปัจจุบันครับ โดยทั่วไปเราจะใช้กริยาช่อง 2 ในโครงสร้างประโยค Past Simple Tense เช่น "She visited her grandmother yesterday." (เธอไปเยี่ยมคุณย่าของเธอเมื่อวานนี้)

Regular Verbs (กริยาปกติ) และหลักการเติม -ed

Regular Verbs คือ คำกริยาที่เมื่อเปลี่ยนเป็นรูปอดีต (ช่อง 2) และรูป Past Participle (ช่อง 3) จะใช้วิธีการเติม -ed หรือ -d เข้าไปที่ท้ายคำกริยาช่องที่ 1 ครับ ซึ่งมีหลักการง่าย ๆ ดังนี้ครับ

หลักการเติม -ed ท้ายคำกริยา (สำหรับ Regular Verbs)

  1. กริยาทั่วไป สามารถเติม –ed ได้เลย:

    walk (เดิน) → walked

    cook (ทำอาหาร) → cooked

    listen (ฟัง) → listened

    ask (ถาม) → asked

  2. กริยาที่ลงท้ายด้วย e ให้เติม d ได้เลย:

    love (รัก) → loved

    move (เคลื่อนย้าย) → moved

    hope (หวัง) → hoped

    live (อาศัยอยู่) → lived

  3. กริยาที่ลงท้ายด้วย y:
    • ถ้าหน้า y เป็นพยัญชนะ: ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วจึงเติม -ed

      study (เรียน) → studied

      cry (ร้องไห้) → cried

      try (พยายาม) → tried

      marry (แต่งงาน) → married

    • ข้อยกเว้น: ถ้าหน้า y เป็นสระ (a, e, i, o, u): ให้เติม -ed ได้เลย ไม่ต้องเปลี่ยน y เป็น i

      play (เล่น) → played

      stay (พัก, อาศัย) → stayed

      enjoy (สนุก) → enjoyed

      obey (เชื่อฟัง) → obeyed

  4. กริยาที่มีพยางค์เดียว มีสระตัวเดียว และลงท้ายด้วยพยัญชนะที่เป็นตัวสะกดตัวเดียว: ให้เพิ่มพยัญชนะตัวสุดท้ายอีก 1 ตัว แล้วจึงเติม -ed (ยกเว้นคำที่ลงท้ายด้วย w, x, y เช่น snow - snowed, fix - fixed, play - played)

    plan (วางแผน) → planned

    stop (หยุด) → stopped

    beg (ขอร้อง) → begged

    shop (ซื้อของ) → shopped

  5. กริยาที่มี 2 พยางค์ และลงเสียงหนัก (stress) ที่พยางค์หลังสุด และพยางค์หลังนั้นมีสระตัวเดียว และลงท้ายด้วยพยัญชนะที่เป็นตัวสะกดตัวเดียว: ให้เพิ่มพยัญชนะตัวสุดท้ายอีก 1 ตัว แล้วจึงเติม -ed

    concur (เห็นด้วย) → concurred

    occur (เกิดขึ้น) → occurred

    prefer (ชอบมากกว่า) → preferred

    permit (อนุญาต) → permitted

    ข้อควรระวัง: ถ้าเสียงหนักไม่ได้อยู่ที่พยางค์หลัง ไม่ต้องเพิ่มพยัญชนะตัวสุดท้าย เช่น visit → visited, open → opened

ตัวอย่าง Regular Verbs ที่ใช้บ่อย ๆ (ช่อง 1, 2, 3 และคำแปล)

ช่อง 1 (Infinitive) ช่อง 2 (Past Simple) ช่อง 3 (Past Participle) คำแปล
answer (อานเซอะ) answered (อานเซอะด) answered (อานเซอะด) ตอบ
arrive (อะไรฟ์) arrived (อะไรฟด) arrived (อะไรฟด) มาถึง
call (คอล) called (คอลด) called (คอลด) เรียก, โทรหา
clean (คลีน) cleaned (คลีนด) cleaned (คลีนด) ทำความสะอาด
help (เฮลพ) helped (เฮลพท) helped (เฮลพท) ช่วยเหลือ
look (ลุค) looked (ลุคท) looked (ลุคท) มอง
need (นีด) needed (นีดเด็ด) needed (นีดเด็ด) ต้องการ
start (สตาร์ท) started (สตาร์ทเท็ด) started (สตาร์ทเท็ด) เริ่มต้น
talk (ทอล์ค) talked (ทอล์คท) talked (ทอล์คท) พูดคุย
want (วอนท์) wanted (วอนท์เท็ด) wanted (วอนท์เท็ด) ต้องการ
watch (วอทช์) watched (วอทช์ท) watched (วอทช์ท) ดู (ทีวี, ภาพยนตร์)
work (เวิร์ค) worked (เวิร์คท) worked (เวิร์คท) ทำงาน

 

Irregular Verbs (กริยาอปกติ) ที่นักเรียนมัธยมควรรู้จัก

Irregular Verbs คือ คำกริยาที่เมื่อเปลี่ยนเป็นรูปอดีต (ช่อง 2) และรูป Past Participle (ช่อง 3) จะไม่มีการเติม -ed เหมือน Regular Verbs ครับ แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงรูปคำไปเลย หรือบางคำก็คงรูปเดิมทั้ง 3 ช่อง ซึ่งนักเรียนจำเป็นต้องอาศัยการจดจำและฝึกใช้ให้คุ้นเคยครับ เพราะไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวเหมือน Regular Verbs ครับ

ผมได้รวบรวมคำศัพท์ Irregular Verbs ที่สำคัญและใช้บ่อย ๆ สำหรับนักเรียนระดับมัธยมมาให้ดังนี้ครับ

ตารางคำศัพท์ Irregular Verbs ที่ใช้บ่อย

ช่อง 1 (Infinitive) ช่อง 2 (Past Simple) ช่อง 3 (Past Participle) คำแปล
be (is, am, are) was, were been เป็น, อยู่, คือ
become (บิคัม) became (บิเคม) become (บิคัม) กลายเป็น
begin (บิกิน) began (บิแกน) begun (บิกัน) เริ่มต้น
break (เบรค) broke (โบรค) broken (โบรเคิน) แตก, หัก
bring (บริง) brought (บรอท) brought (บรอท) นำมา
buy (บาย) bought (บอท) bought (บอท) ซื้อ
catch (แคช) caught (คอท) caught (คอท) จับ
choose (ชูส) chose (โชส) chosen (โชเซิน) เลือก
come (คัม) came (เคม) come (คัม) มา
cost (คอสท) cost (คอสท) cost (คอสท) มีราคา
cut (คัท) cut (คัท) cut (คัท) ตัด
do (ดู) did (ดิด) done (ดัน) ทำ
draw (ดรอ) drew (ดรู) drawn (ดรอน) วาด, ดึง
drink (ดริงค์) drank (แรงค์) drunk (ดรังค์) ดื่ม
drive (ไดรฟ์) drove (โดรฟ) driven (ดริฟเวิน) ขับรถ
eat (อีท) ate (เอท) eaten (อีทเทิน) กิน
fall (ฟอล) fell (เฟล) fallen (ฟอลเลิน) ตก
feel (ฟีล) felt (เฟลท) felt (เฟลท) รู้สึก
find (ไฟนด์) found (ฟาวนด์) found (ฟาวนด์) พบ
fly (ฟลาย) flew (ฟลู) flown (โฟลน) บิน
forget (ฟอร์เกท) forgot (ฟอร์กอท) forgotten (ฟอร์กอทเทิน) ลืม
get (เกท) got (กอท) got/gotten (กอท/กอทเทิน) ได้รับ
give (กิฟ) gave (เกฟ) given (กิฟเวิน) ให้
go (โก) went (เวนท์) gone (กอน) ไป
grow (โกร) grew (กรู) grown (โกรน) เติบโต, ปลูก
have (แฮฟ) had (แฮด) had (แฮด) มี
hear (เฮียร์) heard (เฮิร์ด) heard (เฮิร์ด) ได้ยิน
hit (ฮิท) hit (ฮิท) hit (ฮิท) ตี, ชน
hold (โฮลด์) held (เฮลด์) held (เฮลด์) ถือ
keep (คีพ) kept (เคพท์) kept (เคพท์) เก็บ, รักษา
know (โน) knew (นิว) known (โนน) รู้, รู้จัก
leave (ลีฟ) left (เลฟท์) left (เลฟท์) ออกจาก, ทิ้งไว้
let (เลท) let (เลท) let (เลท) อนุญาต
lose (ลูส) lost (ลอสท์) lost (ลอสท์) ทำหาย, แพ้
make (เมค) made (เมด) made (เมด) ทำ, สร้าง
meet (มีท) met (เมท) met (เมท) พบ
pay (เพ) paid (เพด) paid (เพด) จ่าย
put (พุท) put (พุท) put (พุท) วาง
read (รีด) read (เรด) read (เรด) อ่าน
ride (ไรด์) rode (โรด) ridden (ริดเดน) ขี่
run (รัน) ran (แรน) run (รัน) วิ่ง
say (เซ) said (เซด) said (เซด) พูด
see (ซี) saw (ซอ) seen (ซีน) เห็น
sell (เซล) sold (โซลด) sold (โซลด) ขาย
send (เซนด์) sent (เซนท์) sent (เซนท์) ส่ง
sing (ซิง) sang (แซง) sung (ซัง) ร้องเพลง
sit (ซิท) sat (แซท) sat (แซท) นั่ง
sleep (สลีพ) slept (สเลพท์) slept (สเลพท์) นอนหลับ
speak (สปีค) spoke (สโปค) spoken (สโปคเคิน) พูด
spend (สเพนด์) spent (สเพนท์) spent (สเพนท์) ใช้ (เงิน, เวลา)
stand (สแตนด์) stood (สทูด) stood (สทูด) ยืน
swim (สวิม) swam (สแวม) swum (สวัม) ว่ายน้ำ
take (เทค) took (ทุค) taken (เทคเคิน) เอาไป, พาไป
teach (ทีช) taught (ทอท) taught (ทอท) สอน
tell (เทล) told (โทลด) told (โทลด) บอก
think (ธิงค์) thought (ธอท) thought (ธอท) คิด
understand (อันเดอร์สแตนด์) understood (อันเดอร์สทูด) understood (อันเดอร์สทูด) เข้าใจ
wake (เวค) woke (โวค) woken (โวคเคิน) ตื่นนอน
wear (แวร์) wore (วอร์) worn (วอร์น) สวมใส่
win (วิน) won (วอน) won (วอน) ชนะ
write (ไรท์) wrote (โรท) written (ริทเทิน) เขียน

 


การเรียนรู้เรื่องกริยาช่อง 2 ทั้งแบบ Regular และ Irregular Verbs เป็นสิ่งสำคัญมากนะครับ ผมแนะนำให้นักเรียนหมั่นทบทวน ฝึกใช้ในประโยคบ่อย ๆ ทั้งในการพูดและการเขียน จะทำให้จำได้แม่นยำและนำไปใช้ได้อย่างถูกต้องครับ